วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เหรียญกรมหลวงชุมพร หาดทรายรี ปี 2523

  วันนี้มาแนะนำ เหรียญกรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์ ปี 2523 ครับ จัดสร้างเนื่องในโอกาสอัญเชิญ “เรือรบหลวงชุมพร” ขึ้นประดิษฐ์ฐาน ณ หาดทรายรี เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2523 โดยมี หลวงปู่สงฆ์ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย นั่งปลุกเสกใต้กระบอกปืนใหญ่บนเรือรบหลวงชุมพร


    ทั้งสองเหรียญด้านบนเป็นบล็อกนิยม “คลื่นชิดขอบ” คลื่นที่ด้านท้ายเรือจะชิดขอบเหรียญและหัวเรือชิด ขอบเหรียญ


    เหรียญทั้ง 3 เหรียญนี้เป็นเหรียญแท้ แต่สร้างต่างวาระกัน เหรียญรูปทรงนี้มีการจัดสร้างออกมาหลายครั้ง โดยระบุ พ.ศ. เดียวกัน แต่ใช้แม่พิมพ์คนละบล็อกกับที่สร้างครั้งแรก จุดสังเกตคือ รูปใบหน้า, หัวเรือ, และเส้นคลื่นที่ท้ายเรือครับ (คลื่นชิดขอบ) รูปที่ 1. คือเหรียญที่จัดสร้างในปี 2523 รูปที่ 2. และ รูปที่ 3. เป็นการจัดสร้างย้อนยุคขึ้นภายหลัง ให้สังเกตที่ใบหน้ากรมหลวงชุมพร เรือและคลื่นท้ายเรือนะครับ


วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เหรียญตระกูลเสือเผ่น หลวงพ่อสุด วัดกาหลง


   เหรียญเสือเผ่นหลวงพ่อสุด วัดกาหลง สมุทรสาคร เป็นเกจิที่มีชื่อเสียงในลุ่มแม่น้ำแม่กลองดีท่านหนึ่ง ยันต์ตะกร้อ ท่านคงได้ยินมาบ้างแล้ว ซึ่งเหรียญหลวงพ่อสุดนิยมมากในพื้นที่ นอกจากรุ่นแรกแล้ว ก็คงหนีไม่พ้นเหรียญเสือเผ่นที่ท่านได้จัดสร้างขึ้น เหรียญเสือเผ่นนั้นจัดสร้างออกมา 3 ปี คือ 2517,2521 และ 2523 ซึ่งเหรียญสามปีนี้เป็นเหรียญที่มีเอกลักษณ์ คือหลวงพ่อสุดนั่งอยู่บนเสือที่มีท่าทางเหมือนเสือจะกระโดดออก เหรียญเสือเผ่นเป็นที่นิยมเช่าหาและเก็บกัน เป็นเหรียญดี ประสบการณ์เยี่ยมครับ





สองเหรียญแรกเป็นบล็อกนิยม ครับ ออกปี 2517 เหรียญแรกอัลปาก้าและทองแดงผิวไฟครับ ราคาเช่าหากันหลักหมื่นและหลักพันกลาง ตามลำดับ



เหรียญต่อมาเป็นเหรียญเสือเผ่น จัดสร้างในปี 2521 มีอยู่ 4 บล็อกหลัก ๆ ครับ เหรียญบนนี้เป็นบล็อก เสือหางงอ ครับ ราคาเช่าหาก็ตามลำดับความนิยมครับ หางงอ,เสาร์ ๕,ธรรมดา และ เสือน้อย


เหรียญเสือเผ่น เสาร์ ๕



เหรียญเสือเผ่นปี 21 บล็อกธรรมดา



เหรียญเสือเผ่นปี 21 เสือน้อย



เหรียญปี 21 เหรียญสุดท้ายที่นิยม คือเหรียญแอปเปิ้ล



เหรียญปี ต่อมาคือเหรียญเสือเผ่นปี 2523 เสาร์ ๕ ครับ ราคาเช่าหาก็อยู่หลักร้อยครับแล้วแต่ตกลงครับ สวย ๆ ก็ถึงสามกว่า ๆ ครับ ซึ่งเหรียญทั้งสามปีเริ่มหายจากตลาดพระพื้นที่ครับ เซียนน้อยใหญ่เก็บเข้ากรุกันหมดครับ ถ้าท่านเจอเหรียญเสือเผ่นที่ไหนก็เก็บเถอะครับรับลองไม่ผิดหวัง ก็หายากขึ้นทุกวัน ส่วนราคาต่อรองกันเองนะครับแล้วแต่ความพอใจทั้งสองฝ่าย ก็ระวังหน่อยนะครับ ของเก๊เริ่มออกมากันแล้ว

เหรียญ “เสือเผ่น ”หลวงพ่อสุด วัดกาหลง ปี 17

เหรียญ “เสือเผ่น ”หลวงพ่อสุด วัดกาหลง ปี 17 บล็อกวัดกาหลง พิมพ์นิยมมี 3 พิมพ์ คือ
พิมพ์ A เหรียญปั๊มแรกๆสวยมากคมชัดไม่มีรอยบล็อกแตกในซอกแขนขวาและใต้เข่าขวา
พิมพ์ B ปั๊มเหรียญจำนวนมากขึ้นบล็อกเริ่มแตกมี 2 ขีดในซอกแขนขวาหลวงพ่อสุด
พิมพ์ C ปั๊มเหรียญจำนวนมากๆบล็อกแตกเพิ่มอีกจากมุมอาสนะใต้เข่าขวาลงมาชนเส้นซุ้ม
ทั้ง 3 พิมพ์ มีจุดตำหนิเหรียญแท้พิมพ์นิยม พอสังเกตได้ดังนี้
ด้านหน้าเหรียญ
(1)...รูห่วงเหรียญส่วนใหญ่เจาะได้ศูนย์กลางสวยงามมาก
(2)...มี 2 ขีด บนขอบรูห่วงด้านซ้ายมือ
(3)...มีปีกรอบในรูห่วง
(4)...เส้นซุ้มในและขอบเหรียญได้ศูนย์กลางไม่ใหญ่ข้างเล็กข้างไม่เป็นตะปุ่มตะป่ำ
(5)...พื้นเหรียญทั้งสองด้านเรียบเนียนไม่เป็นขี้กลาก
(6)...ปลายหางตาซ้ายชนเส้นใบหูเป็นปุ่มนูนเด่นชัด
(7)..พิมพ์นิยม B บล็อกเริ่มแตกมี 2 ขีด ( = ) ในซอกแขนขวาหลวงพ่อ
(8)...มีเนื้อเกินขีดจากยันต์มาชนจีวรโคนแขนซ้ายหลวงพ่อ
(9)...ตรงกลางขอบเหรียญด้านขวามือส่วนที่ยื่นออกไปมีระดับต่ำกว่าลายกนก
(10)...กลางสันขอบเหรียญตรงลายกนกทั้งซ้ายขวาเป็นปุ่มใช้นิ้วมือลูบจะสะกิดนิ้วมือ
(11)...รอยตัดขอบเหรียญแบบเฉพาะเหรียญวัดกาหลง
(12)...นิ้วมือขวาหลวงพ่อหนีบผ้าสังฆาฏิ (ผ้าพาด)
(13)...กลางปลายผ้าพาดมีรอยย่น
(14)...พิมพ์นิยม C มีรอยบล็อกแตกจากมุมอาสนะใต้เข่าขวาหน้าเสือลงมาชนเส้นซุ้ม
(15)...มีขีดจากอาสนะลงมาชนกลางหลังเสือ
(16)...ขีดจากปุ่มปลายหางเลขวันที่เจ็ดลงมาชนเส้นซุ้ม
(17)...เส้นอาสนะและปลายหางเสือชนเส้นซุ้ม 2 แฉก
(18)...ปลายหางเลขเจ็ด หัวตัวหนังสือ สระ เป็นปุ่มนูนกลมเด่นชัดสวยงามมาก

ด้านหลังเหรียญ
(1)...มีรอยบีบกดด้านบนขอบรูห่วง
(2)..มีเนื้อเกินขีดเป็นเส้นตรงจากยันต์บนสุดเฉียงมาด้านซ้ายมือสวยเด่นชัดมาก (code)
(3)...ตรง7นาฬิกามีขีดทะลุยันต์ตะกร้อลงมาแล้วหักมุม 92 องศาไปเกือบถึงหัวลูกศร
(4)...ตรง 16 นาฬิกา มีขีดยื่นออกมาจากเส้นยันต์ตะกร้อ
(5)...กลางยันต์ตะกร้อ มีขีดจากยันต์ซ้ายมือมาทะลุยันต์บนยันต์น้ำเต้า

   นอกเหนือจากนี้ออกวัดศาลาครืน ใช้บล็อกเดียวกันแต่ตัวตัดคนละชิ้นกัน ซึ่งจะมีแต่เข่าแตกเท่านั้น มีครบทุกเนื้อ เงิน นวะ อัลปาก้า ทองแดงกะไหล่ทอง กะไหล่เงิน ทองแดงรมดำ (3 เนื้อแรกตอกโค๊ต) ซึ่งราคาก็ออกต่างกัน

วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เหรียญพระเจ้าตากสิน ปี 2518 หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ ปลุกเสก

   วัตถุมงคลเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ปี 2518 สร้างเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สมทบทุนสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ ณ ค่ายตากสิน จ.จันทบุรี โดยมีพระเถระผู้ใหญ่ และพระอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิในทางกฤตยาคม ได้มอบแผ่นทองลงอักขระเลขยันต์ มาให้เพื่อผสมในเนื้อโลหะที่ทำการหล่อวัตถุมงคล รายนามเกจิอาจารย์ที่ร่วมปลุกเสกประกอบด้วย
1. พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร
2. หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่
3. หลวงพ่อคง สุวณโณ วัดวังสรรพรส
4. หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง
5. หลวงปู่สิม พุทธาจาโร วัดถ้ำผาปล่อง
6. พระอาจารย์อ่อน ญาณศิริ วัดนิโคธาราม
7. พระอาจารย์หลุย จันทะสาโร วัดถ้ำผาปิ้ง
8. ท่านเจ้าคุณราชคุณาภรณ์ วัดศรีโพนเมือง
9. ท่านเจ้าคุณณเทพบัณฑิต วัดศรีเมือง
10. พระอาจารย์สาม อภิญจโน วัดป่าไตรวิเวก
11. พระอาจารย์จันทร์ เขมปัตโต วัดจันทนาราม
12. พระอาจารย์อุ่น อุตตโม วัดอุดมรัตนาราม
13. พระครูบาพรหมจักร วัดพระพุทธบาทตากผ้า
14. พระอาจารย์บุญสิน วัดปลายคลองพริ้ว
15. หลวงพ่อรวย วัดท่าเรือแกลง
16. หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า
17. หลวงพ่อชื่น วัดมาบข่า
18. หลวงพ่อกี๋ วัดแหลมมะขาม
19. หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
   และยังมีพระคณาจารย์ร่วมปลุกเสกอีกหลายท่าน ทั้งหมดเกือบร้อยอาจารย์ โดยที่สำคัญคือ พระอาจารย์ฝั้น ปลุกเสกเดี่ยวถึง 1 ไตรมาสของปี 2518 และหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ได้ทำพิธีพุทธาภิเษกเดี่ยวให้อีก 7 วัน ระหว่างวันที่ 1-7 กันยายน 2518 โดยเสกให้ทุกคืน ตั้งแต่ตี 1 ถึง ตี 4 ทุกวันเป็นเวลา 7 วัน




เนื้อทองแดงโดยหลักๆจะมี 3 บล็อก คือ บล็อกไหล่เรียบ(สระอาแตก) กับบล็อกไหล่แตก("น"แตก) และมีบล็อคพิเศษอีกบล็อค คือ บล็อคทองคำ

จะพูดถึงบล็อคทั่วไปที่เราเห็นกันมากๆ ก็คือ บล็อกไหล่เรียบ(สระอาแตก) กับบล็อกไหล่แตก("น"แตก)


เนื้อทองแดง จำนวนการสร้างทั้งหมดรวม 30,000 เหรียญครับ
ลองมาดูจุดตำหนิของแต่ละบล็อกกันครับ
สำหรับบล็อกไหล่เรียบ สระอาตรงคำว่า "ราช" จะแตกเป็นเส้นยาวลงมาจนถึงพระมาลา และสระอาตรงคำว่า "ดำรง" จะแตกจนถึงขอบเหรียญด้านล่าง
ส่วนบล็อกไหล่แตก "น" ตรงคำว่า "ตากสิน" ตัว "น" จะแตกเป็นเส้นวิ่งไปชนขอบเหรียญด้านบน
ส่วนสระอาตรงคำว่า "ดำรง"ไม่มีเส้นแตกครับ
ลองดูรายละเอียดจากรูปครับ



และตัวหนังสือด้านหน้าเหรียญของทั้งสองบล็อก ก็จะแกะพิมพ์ไม่เหมือนกัน
ลองสังเกตุจากรูปเปรียบเทียบได้ครับ



จุดตำหนิต่อไปคือ สำหรับบล็อกไหล่เรียบตรงบริเวณที่ตอกโค๊ต ผิวเหรียญจะเป็นริ้วๆเหมือนรอยขูดแต่งผิว โดยบล็อกไหล่เรียบจะเห็นค่อนข้างชัดทุกเหรียญ

ส่วนบล็อกไหล่แตก ต้องดูบริเวณขอบเหรียญด้านล่างของหน้าเหรียญ จะมีเนื้อเกินซึ่งเห็นได้ชัดเจนทุกเหรียญของบล็อกไหล่แตก

ดูจากภาพประกอบได้ครับ

คราวนี้มาดูจุดที่ต้องเหมือนกันทั้ง 3 บล็อกครับ(รวมบล็อคทองคำด้วยครับ)
จุดแรกคือโค๊ต "ตส" จะมีเส้นที่เกิดจากการแกะพิมพ์เป็นเส้นที่เห็นชัดๆประมาณ 3 เส้น(ดูจากรูป)
จุดที่สองคือ ทั้ง 2 บล็อก ที่ผิวเหรียญจะต้องมองเห็นริ้วรอยเส้นขนแมวที่เกิดจากการปั้มเหรียญ ซึ่งเป็นรอยตึงผิวของโลหะครับ มีน้อยมีมากก็ต้องมีครับ (ดูจากรูปแสดงให้ดูเพียง 2 บล็อคแต่บล็อคทองคำก็ต้องเหมือนกันครับ)


สำหรับบล็อคทองคำ
บล็อคทองคำก็คือบล็อคที่ใช้ปั๊มเนื้อทองคำนั่นแหละครับ(เป็นคนละบล็อคกับที่ใช้ปั๊มเนื้อทองแดง) แต่มีการนำบล็อคทองคำมาใช้ปั๊มเนื้อทองแดง(จำนวนไม่มากนักไม่ทราบจำนวนนะครับ)
ความแตกต่างที่เห็นชัดๆคือ
บล็อคทองคำ สระอาตรงคำว่า "ราช" และ "ดำรง" จะไม่มีเส้นแตก และ "น" หนู ตรงคำว่า "ตากสิน" ก็จะไม่มีเส้นแตกเช่นกันครับ (ชมจากภาพได้ครับ)




และอีกจุดสังเกตุที่บล็อคทองคำแตกต่างจาก บล็อค "อา" แตก และ บล็อค "น" แตก คือ มีรอยแตกของบล็อคบริเวณชายเสื้อใกล้ๆกับนิ้วหัวแม่มือซ้ายเป็นเส้นชัดเจนครับ (พิจารณาจากรูปจะเห็นได้ชัดครับ)




วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2557

พระเหรียญทุกชนิด พระแท้หรือปลอม ดูกันอย่างไร

พระจะแท้หรือปลอมขึ้นอยู่ที่องค์พระเป็นหลัก ไม่ใช่ว่าเดิมเป็นพระของใคร ได้จากที่ไหน เคยผ่านสงครามอะไรใครแขวนแล้วโดนยิงไม่เข้า ฟันไม่ออกมามั่ง นั่นไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้องในการสะสมพระเครื่องแบบอาศัยเหตุและผลเป็นข้อ สรุป แล้วแนวทางที่ถูกมันเป็นอย่างไร ?

แนวทางและพื้นฐาน

ที่ถูกต้องในการที่จะศึกษาและสะสมพระเครื่องครับ ถ้าท่านใช้เหตุและผลมากกว่าใช้หู หรือใช้ความน่าเชื่อถือต่อบุคคลที่ท่านจะเช่าพระเครื่องต่อจากเขา เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจ มีหลักสำคัญอะไรบ้าง
1 รู้จัก ผู้สร้างรู้จักวัดที่สร้างรู้ประวัติการสร้าง ศึกษาเรื่องแบบและแม่ พิมพ์ของพระที่จะสะสม........ศึกษาเรื่องธรรมชาติ การแปรเปลี่ยนตามอายุของโลหะที่สร้างเหรียญ......ศึกษาเรื่องตำหนิ จุดตาย เส้นขนแมว เนื้อปลิ้น เนื้อเกิน การตัดขอบ........ข้อสุดท้าย....สำคัญนะครับต้องเคยเห็นของแท้ และเห็นบ่อยๆ ในเน็ตฯมีเยอะแยะตามศูนย์พระชื่อดังต่างๆ.....

แต่เอาเข้าจริงแล้วก็ไม่ค่อยมีใครใส่ใจกับการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นของพระเหรียญเลยจะจำแต่ตำหนิพิมพ์อย่างเดียว แปลกแต่จริง...

เมื่อได้พระมาก็จะส่องกันตะพึดตะพือ แล้วก็มาเปิดตำราดูตำหนิพระเครื่อง พระเหรียญกันอย่างเดียว ก็จะรู้ว่าพระรุ่นนี้ชื่ออะไร ใครสร้าง ออกที่ไหน เท่านั้นเองที่เหลือก็อาศัยวัดดวงหรือให้คนอื่นดูให้ถึงจะแน่ใจว่าใช่พระแท้ หรือเปล่า สุดท้ายดูกันสิบตาก็ว่าไม่เหมือนกันสักคน
2 การศึกษาพระเครื่องทุกชนิดควรศึกษาและจดจำเรื่องแบบพิมพ์มาก่อนเป็นอันดับ แรก ยิ่งรู้ถึงที่ไปที่มาว่ามีการทำแม่พิมพ์อย่างไร วิธีไหน เป็นสิ่งที่ควรเรียนรู้ให้มากเข้าไว้ นั่นจะทำให้เรามีความรู้ในการดูพระเครื่อง พระเหรียญยิ่งขึ้น สามารถ แยกออกระหว่างของแท้และของปลอมได้อย่างชำนาญยิ่งขึ้นแม่พิมพ์ของพระเครื่อง พระเหรียญพระทุกชนิดย่อมสร้างจากแม่พิมพ์ ไม่ว่าจะเป็นพระชนิดใดก็ตาม ทั้งเนื้อชิน ดิน ผง พระเหรียญ ยกเว้นแต่พระเครื่องที่ลอยองค์เท่านั้น

แม่พิมพ์ของพระเหรียญนั้นสามรถแบ่งออกเป็น 2 ยุค คือ

ยุคที่ 1.ประมาณ 2440-2499 พระเก่า
ยุคที่2.ประมาณ 2500-ปัจจุบัน พระใหม่

ในยุคโบราณนั้นสามารถแยกวิธีการสร้างเป็น 2 ชนิด คือ เหรียญชนิดปั้มข้างเลื่อยและเหรียญข้างกระบอก วิธีการสร้างนั้นเขานำเอาแม่พิมพ์ทั้งด้านหน้าและด้านหลังใส่เครื่องปั้ม แล้วกระแทกอย่างแรงบนแผ่นโลหะที่รีดจนบางแล้ว ถ้าเป็นชนิดข้างเลื่อยนั้นจะนำแผ่นโลหะที่ใหญ่กว่าขนาดของเหรียญมาปั้มให้ ได้ตามรูป แล้วจึงนำไปเลื่อยฉลุให้สวยงามตามแบบรูปทรงของเหรียญนั้นๆ การสร้างพระเหรียญในยุคประมาณ ปีพ.ศ.24....กว่าๆโลหะที่นำมาปั๊มส่วนมากมักจะเป็นโลหะประเภททองแดงเป็นหลัก ยกเว้นเป็นพิธีการสร้างของเจ้าขุนมูลนายทั้งหลาย ที่มียศถาบรรดาศักดิ์อาจจะมีเนื้อทองคำและเนื้อเงินเพิ่มเข้ามาด้วย
แม่พิมพ์ของพระเหรียญในสมัยก่อนนั้นจะนำเอารางรถไฟเก่าๆมาทำเพราะมีความคงทน แข็งแรงมาก แบบของเหรียญก็จะออกแบบเตรียมไว้ทั้งหน้า-หลัง โดยเขียนเอาไว้บนกระดาษสา แล้วค่อยเขียนแบบตามที่ปรากฏบนแผ่นกระดาษสาลงบนเหล็กรางรถไฟ แล้วจึงนำเหล็กนั้นมาเผาไฟให้แดงทั้งแท่ง รอจนเหล็กเริ่มเย็น ตอนนี้เองเนื้อเหล็กจะแข็งแต่ไม่ถึงกับแข็งมาก จึงนำเอาเครื่องมือมาแกะตามรูปที่เขียนเอาไว้บนเหล็กก่อนที่จะเผาไฟการแกะ ด้วยมือนั้นความลึกจะไม่ได้มากเหมือนกับการแกะด้วยเครื่อง จึงทำให้เกิดเป็นมิติแบบนูนต่ำออกมา ไม่นูนสูงเหมือนเหรียญรุ่นใหม่ บางครั้งอาจจะแกะพลาดบ้างเป็นริ้วรอยเส้นบางๆที่เราเรียกว่า “เส้นขนแมว” นั่นเอง

เหรียญยุคโบราณ นั้นตอนที่ช่างแกะมักจะไม่ได้แกะหูเหรียญเอาไว้เลย(สงสัยจะลืมหรือตั้งใจก็ ไม่ทราบได้) จึงต้องนำมาเชื่อมติดเอาไว้ทีหลังโดยใช้ตะกั่วหรือเงินมาเชื่อมติดเอาไว้ ขึ้นอยู่กับโลหะที่นำมาสร้างพระนั้นเป็นหลัก ต่อมาค่อยมีการพัฒนาขึ้นประมาณปี พ.ศ. 2484 ขึ้นมา ค่อยเริ่มมีการแกะให้มีหูในตัวอยู่ในแม่พิมพ์เลย ไม่ต้องมาเชื่อมติดทีหลัง เหรียญลักษณะนี้มักจะมีเนื้อปลิ้นมาทางด้านหลังบริเวณหูเหรียญ ในวงการเรียกว่า “ตาไก่” เหรียญยุคนี้ต้องนำมาเข้าเครื่องตัด หรือนำมาเลื่อยฉลุอีกทีหนึ่ง เพราะเมื่อปั๊มออกมาแล้วจะไม่ออกมาเป็นเหรียญแบบสำเร็จเลย เมื่อปั๊มแล้วจะมีเนื้อเกินติดมาด้วยเรียกว่าปีกเหรียญ ต้องนำมาตัดอีกทีจึงจะออกมาเป็นเหรียญอย่างที่เห็น.......

เหรียญโบราณตั้งแต่ พ.ศ. 2460-2469 มีจุดสังเกตเกี่ยวกับพื้นฐานของแม่พิมพ์ โดยไม่ได้แยกสำนัก แยกพระเกจิเลยดังนี้

ก. ศิลปะของเหรียญเป็นแบบนูนต่ำ เพราะว่าแกะด้วยมือสังเกตได้จากรูปพระเกจิ-อาจารย์จะไม่นูนสูงขึ้นมาจากพื้น ผนังของเหรียญนั้นมาก ลูกตา แก้ม หรือเค้าโครงหน้าจะดูเหมือนมีชีวิตจริงๆตัวอักษรตลอดไปถึงอักขระเลขยันต์ ต่างๆทั้งตัวเลขบอก พ.ศ.ก็ดีจะแกะเป็นเลขไทยที่มีศิลปะสวยสดงดงาม ไม่นูนสูงจากพื้นเหรียญมากนักแต่ทว่าจะมีความคมชัดอยู่ในที ไม่เบลอหรือเอียงโย้เย้เลย
ข. เส้นสายรายละเอียดที่นำมาจัดเป็นองค์ประกอบขึ้นรูปจะเป็นเส้นเรียวเล็กบางหากแต่ว่าคมชัดมาก
ค. หูหรือว่าห่วงเหรียญมักจะใช้วิธีเชื่อมติดกับเหรียญด้วยตะกั่วหรือเงินตามแต่โลหะที่นำมาสร้างพระนั้นๆ สามรถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ง. ขอบเหรียญมักจะเรียบไม่ค่อยมีรอยเส้นฟันเลื่อย ขอบเหรียญจะบางและไม่มีความคม เพราะผ่านกาลเวลามานานปริ่มๆร้อยปีเข้าไปแล้ว หากใช้มือลูบดูแล้วมีความคมเหรืออยู่โอกาสที่จะเป็นของเลียนแบบมีสูงมากให้ ระวัง
จ. พื้นผนังทั้งด้านหน้าและด้านหลังมักจะตึง การสร้างเหรียญนั้นเกิดจากการกระแทกอย่างแรงของแม่พิมพ์ทั้งด้านหน้าและด้าน หลังลงบนโลหะ เพราะเช่นนั้นตามหลักวิทยาศาสตร์และหลักแห่งความเป็นจริงแล้ว เมื่อถูกกระแทกอย่างแรงแล้วพื้นผิวเหรียญต้องเรียบตึง แต่ก็มีเหรียญอีกประเภทหนึ่งที่พื้นผิวเหรียญมีเม็ด”ขี้กลาก”อยู่ ซึ่งก็มี อยู่ได้ ขึ้นอยู่กับประวัติการสร้างของทางวัดอีกทีหนึ่ง หากว่าวัดนั้นเกิดสร้างเหรียญมาแล้วเกิดเหตุการณ์ว่าเหรียญเป็นที่ต้องการ ของประชาชนคนทั่วไปไม่พอกับความต้องการ แล้วปั๊มใหม่โดยใช้แม่พิมพ์ตัวเดิม อาจจะก่อให้เกิดร่องรอยขี้กลากขึ้นได้ แต่ถ้าพบว่าตามประวัติของทางวัดไม่เคยนำเอาแม่พิมพ์ตัวเก่ามาปั๊มใหม่เลยก็ แสดงว่าท่านได้เจอกับของเลียนแบบเข้าแล้ว เพราะก่อนการปั๊มเหรียญแบบโบราณ ก่อนที่จะปั๊มจะต้องนำแม่พิมพ์มาขัดทำความสะอาดก่อน โอกาสที่จะเกิดรอยขี้กลากที่พื้นผิวนั้นมักจะไม่มี ส่วนเหรียญโบราณในยุคกลางตั้งแต่ พ.ศ.2470 ขึ้นมาจะเริ่มมี เหรียญแบบมีห่วงในตัวขึ้นแล้ว ในบางพระเกจิบางหลวงพ่อยังใช้วิธีการสร้างแบบเดิมอยู่ก็มี จุดสังเกตโดยรวมของเหรียญยุคนี้ที่แตกต่างจากเหรียญยุคแรกมีดังนี้คือ
1.ถ้า เป็นเหรียญที่มีหูในตัวต้องมีเศษโลหะปลิ้นพับไปด้านหลัง จุดนี้เกิดจากแรงกระแทกของการปั้มเป็นส่วนของธรรมชาติต้องมีทุกเหรียญทุก คณาจารย์ที่สร้างในยุคนั้น
2.ขอบเหรียญมักจะมีรอยเลื่อยฉลุ ส่วนจุดอื่นเหมือนเหรียญโบราณยุคแรกทั้งหมด
หากว่า ท่านมีเหรียญยุคเก่าสักเหรียญหนึ่ง ลองนำเหรียญนั้นมาเทียบกับทฤษฏี ที่ได้กล่าวมาในเบื้องต้นดู ว่าเข้ากับหลักเกณฑ์ของเหรียญยุคโบราณหรือไม่ ทั้งหูเหรียญ ขอบเหรียญ ความสูงต่ำของเค้าโครงหน้าและตัวอักษร ว่าตรงกับที่ว่ามาหรือไม่ ถ้าเข้ากับหลักเกณฑ์แล้วก็มาว่ากันต่อที่โลหะของเหรียญต่อไป โลหะเก่านั้นจะไม่มีความแวววาว ความสดใส หากสัมผัสจับต้องแล้วจะเป็นมันๆขึ้นมา ถ้าทิ้งไว้สักครู่ก็กลับคืนสู่สภาพเดิมเพราะว่าเนื้อโลหะมีอายุสูง และวรรณะสีสันของเหรียญเก่านั้นมักจะมีสีซีดจางไม่ว่าจะเป็นทองคำ(มักจะออก แดงๆบางท่านว่าเป็นทองบางสะพาน) ทองแดง เงินและนาก

เหรียญ ทำเทียมเลียนแบบของเก่า ส่วนมากใช้วิธีถอดพิมพ์มาขนาดของเหรียญจะเล็กกว่าของแท้เพราะการหดตัวของแม่ พิมพ์ การถอดพิมพ์เหรียญนั้น จะใช้ซิลิโคนมาถอดเพราะซิลิโคนเป็นของเหลวจะซึมไปได้ทุกอณูของเหรียญแม้แต่ เส้นขนแมวหรือจุดลับต่างๆก็ถอดติด (ขึ้นอยู่กับคุณภาพของซิลิ โคนที่นำมาถอดพิมพ์ด้วย) รอจนซิลิโคนแข็งตัวแล้วก็ถอดออกแล้วพลิกด้านทำแบบเดิมกับด้านหลังอีกเมื่อ แข็งแล้วก็ถอดออกเอาปูนทนไฟมากรอกใส่ไปในยางแม่พิมพ์ที่ได้ เมื่อปูนแข็งตัวแล้วแกะเอาซิลิโคนออกแล้วจึงหลอมเอาโลหะที่จะทำแม่พิมพ์พระ นั้นให้ละลายเทใส่ในปูนทนไฟนั้น ทิ้งไว้จนเย็นจึงทุบเอาปูนออกก็จะได้แม่พิมพ์เหรียญที่ถอดพิมพ์มา ผ่านขั้นตอนขนาดนี้เหรียญจะไม่หดตัวยังไงไหว

เหรียญ ทำเทียมใน ลักษณะนี้ส่วนมากจะใช้วิธีเหวี่ยงโดยเอาโลหะเหวี่ยงเข้าไปในแม่พิมพ์เหล็ก กล้า แล้วจึงตกแต่งพื้นผิวเหรียญโดยใช้น้ำยาเคมี มีเรื่องที่ทำให้สังเกตอย่างหนึ่งคือ เส้นสายรายละเอียดต่างต่างของเหรียญที่ถอดได้จะไม่คม ไม่พลิ้ว เช่นว่า ดวงตาหลวงพ่อจะบี้แบนไม่คมเท่าที่ควร เค้าหน้าจะตื้นกว่าดูแล้วไม่เป็นธรรมชาติ ตัวหนังสืออักขระต่างๆจะล้มเอียงโย้เย้เพราะใช้แรงเหวี่ยงมากนั่นเอง ขอบเหรียญก็เช่นกัน หากเป็นการทำเทียมยุคแรกๆจะทำเป็นห่วงเชื่อมเช่นกัน แต่ตะกั่วที่นำมาเชื่อมจะสีสดดูใหม่อย่างเห็นได้ชัดไม่ซีดแห้งเหมือนของแท้ โดยส่วนมากมักจะทำอะไรอำพรางเช่นทำให้เป็นสนิม บิดห่วงให้หัก มีคราบน้ำหมากทับถมอยู่หรือไม่ก็เลี่ยมพลาสติกเลี่ยมทองเพื่ออำพรางร่องรอย ทำให้ดูยากเป็นต้นฯ หากเป็นเหรียญในยุค พ.ศ. 2470 ยิ่ง ทำเทียมยากขึ้นไปอีกเพราะหูเหรียญตรงจุดที่เป็นตาไก่ทำเลียนแบบยากพอ สมควร(ปัจจุบันเห็นทำตาไก่ได้แล้วแต่ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นเป็นรอยคล้ายๆรอย ตะไบอยู่ด้านในรูห่วง)แม้ว่าทำได้ก็ดูไม่เป็นธรรมชาติ ในด้านจุดตำหนินั้นเหรียญทำเทียมเลียนแบบเมื่อถอดออกมาจากของแท้แล้วก็ย่อม จะมีเหมือนกัน แต่ก่อนที่จะดูตำหนิให้ไล่ดูตามขั้นตอนต่างๆที่ได้แนะนำเอาไว้ก่อนหากว่าไม่ เข้าตามองค์ประกอบที่แนะนำเอาไว้เรื่องตำหนิไม่ต้องพูดถึง.....เพราะของ เลียนแบบก็มีตำหนิตรงจุดเดียวกันกับของแท้ทุกประการ แต่เป็นเพราะว่าของทำเทียมมีการหดตัวดังนั้นจึงจะดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติสัก หน่อยดูเพี้ยนๆผิดไปจากของจริง แต่ก็อย่างว่าเหรียญของเก่าจริงๆมักจะหาดูเป็นต้นแบบก็ยากเพราะมีราคาแพง เป็นส่วนใหญ่แถมบางท่านมักจะเข้าข้างตัวเองไม่ยอมดูในด้านพื้นฐานเลย มักจะข้ามไปดูที่ตำหนิกันเลยมันก็ต้องมีครบอยู่แล้วเพราะถอดมาจากของจริง ยกเว้นบางจุดเท่านั้นที่จะถอดไม่ค่อยติดตรงนี้เซียนใหญ่ทั้งหลายท่านจะยึด เป็นจุดตายและไม่ยอมสอนให้เพราะเป็นเครื่องมือหากินของเขา พอนักสะสมมือใหม่ไล่ดูตำหนิครบแล้วก็ทึกทักเอาว่าของข้าแท้อย่างเดียวโดยลืม ดูธรรมชาติความเก่าของเหรียญไปซะฉิบ เฮ้อ........

แม่พิมพ์เหรียญยุคใหม่มักจะเอาภาพหลวงพ่อต่างๆที่จะมาทำเหรียญนั้น มาออกแบบบนกระดาษก่อนแล้วจึงเอาไปถ่ายฟิล์ม แล้วนำไปประกบกับเหล็กอ่อนค่อยใช้เครื่องหรือช่างแกะออกมา แล้วจึงนำเหล็กไปชุบกับน้ำยาทำให้เหล็กแข็งตัวก่อนค่อยนำไปใส่ที่เครื่อง ปั๊มซึ่งก็มีอยู่สามแบบ คือ 1...เหรียญ ปั๊มข้างเลื่อย โดยนำเอาแผ่นโลหะที่มีขนาดใหญ่กว่าขนาดของเหรียญมาปั๊มให้ได้รูปแล้วนำมา เลื่อยฉลุให้สวยงามตามแบบของเหรียญนั้นๆ
2...เหรียญปั๊ม ข้างกระบอก นำเอาแผ่นโลหะมาเลื่อยให้ได้รูปทรงของเหรียญที่จะปั๊มก่อนเพื่อเข้ากระบอก ด้านข้างของเหรียญชนิดนี้จะมีความเรียบเนียนเนื่องจากกดปั๊มโดยมีกระบอกเป็น ตัวบังคับ บางเหรียญจะมีการตกแต่งให้สวยงามทำให้เกิดเส้นทิวบางๆที่ขอบเหรียญบ้าง
3...เหรียญปั๊มตัด พ.ศ.2500-ปัจจุบัน เหรียญในยุคใหม่นี้ด้วยวิทยาการเครื่องจักรอันทันสมัย แรงอัดกระแทกดี ดังนั้นเวลาที่ป็มเหรียญออกมาจึงสวยคมชัดมากมีลักษณะเป็นภาพนูนสูง สังเกตที่ผนังเหรียญจะอยู่ต่ำกว่ารูปของพระเกจิอาจารย์มาก จุดสังเกตของเหรียญยุคใหม่ คือ ผิวเรียบตึง ไม่มีขี้กลาก หรือเป็นหลุมเป็นบ่อเลยแม้แต่น้อยที่ขอบจะมีความเรียบเนียนแต่ว่าคมและมีรอย ตัด แววตาของหลวงพ่อจะแลดูแข็งๆ
อย่างที่กล่าวมาแล้วใน เบื้องต้นว่าเหรียญเก่าแท้ๆหากจะทำเลียนแบบด้วยการทำ แม่พิมพ์ใหม่แล้วนำมาปั๊ม ปั๊มอย่างไรก็ไม่เหมือนเพราะว่าถ้าแกะบล็อกใหม่เส้นสายรายละเอียดเดิมๆที่ ช่างได้ทิ้งเอาไว้ (ที่เราเรียกว่า”ตำหนิ”) ไม่ มีทางทำให้เหมือนได้ เพราะเป็นการทิ้งใว้แบบไม่ตั้งใจ ไม่จงใจ แต่ก็เป็นประโยชน์กับพวกเรานักสะสมมือใหม่เป็นอย่างยิ่ง หากรู้จักสังเกตและจดจำ หากเอาเครื่องปั๊มยุคปัจจุบันไปปั๊มยิ่งจะทำให้เกิดความแตกต่าง อย่างมากเพราะกรรมวิธีการสร้างที่แตกต่างกันตามยุคสมัยที่ได้กล่าวเอาไว้ ตั้งแต่เบื้องต้น ดังนั้นก็จะทำได้เพียงวิธีเดียวคือ ต้องอาศัยวิธีถอดพิมพ์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ดังนั้นพระ แท้ก็ต้องแท้อยู่วันยันค่ำ ของเลียนแบบก็เช่นเดียวกัน เพราะตามหลักแห่งความเป็นจริงแล้วหากว่าแยกแยะพระแท้กับของเลียนแบบไม่ได้ เลยนั้น พระเครื่องประเภทพระเหรียญก็คงจะต้องเลิกเล่นกันไปตั้งนานแล้ว แต่ทุกวันนี้ก็ยังเล่นหากันอยู่นั่นแสดงว่ายังสามารถที่จะแยกพระแท้กับพระทำ เลียนแบบกันได้ ขออย่าให้ความโลภครอบงำก็แล้วกัน พระอะไรที่ดูก้ำกึ่ง คาบเกี่ยว ดูน่าสงสัย มีพิรุจ แถมยังราคาถูกกว่าค่านิยมสากล ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตามให้พยายามหลีกเลี่ยงหรือปรึกษาผู้รู้ ผู้ชำนาญการจะเป็นการปลอดภัยที่สุด.....
ขอส่งท้ายและเน้น ย้ำถึงธรรมชาติของเหรียญเก่าโบราณอีกครั้งหนึ่ง พระเหรียญ วิธีสร้างก็คือการนำเอาโลหะมาปั๊มไม่ว่าจะเป็น เงิน ทองแดง นาก ทองคำ หรือโลหะผสมเช่น นวโลหะก็ดี ธรรมชาติของโลหะธาตุเหล่านี้ย่อมจะมีอยู่ในตัวของมันเองอยู่แล้ว ซึ่งสามารถแยกแยะได้ดังนี้

1…พื้นผิวเหรียญต้องแห้งผากไม่มีความมันเงาแวววาวใดใดเลย
2...สีสันวรรณะของเหรียญต้องดูซีดจาง ไม่สดใส
3...เมื่อถูกสัมผัสจับต้องแล้วสีสันอาจจะเปลี่ยน แต่เมื่อทิ้งเอาไว้ระยะเวลาหนึ่งก็จะกลับคืนเป็นดังเดิม
4...ไม่มีความคมหลงเหลืออยู่ไม่ว่าจะเป็นส่วนไหน
5...ขอบเหรียญมักจะบาง
6...เหรียญ ที่ผ่านการใช้มาแล้ว มักจะมีคราบสนิมเกาะอยู่จะเป็นสีอะไรก็ขึ้นอยู่กับว่าเหรียญเนื้ออะไรเช่น กันเมื่อล้างคราบสนิมออก หรือ หลุดออกเองก็ดีเมื่อเราส่องดูที่พื้นเหรียญมักจะมีรูพรุนคล้ายตามดเพราะถูก สนิมกัดกร่อนไปถึงเนื้อโลหะแต่ถ้ารักษาอย่างดีก็จะไม่มีหลุมดังกล่าวและจะทำ ให้เหรียญมีราคาค่านิยมที่แพงยิ่งขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว(ที่เขาเรียกว่า เหรียญสวยระดับแชมป์นั่นแหละ ของแพง) ถ้าท่านมีเหรียญเก่าๆลองนำมาเทียบกับความเก่าตามธรรมชาติที่ได้เขียนเอาไว้ ตั้งแต่ต้นดู ว่าตรงกันหรือเปล่า แต่ต้องทำใจให้เป็นกลางด้วย ไม่เช่นนั้นอาจหลงเข้าข้างตัวเองได้

วิธีการดูพระเหรียญปั๊มโลหะ

   ปัจจุบันนี้ พระเหรียญหลายๆคนบอกเล่นยากมาก เพราะทำเก๊ได้เหมือนของแท้เหลือเกิน โดยเฉพาะเก๊คอมพิวเตอร์แต่ในความเป็นจริงเหรียญทุกชนิดจะดูง่ายขึ้น ถ้าเรามีหลักการในการดูดังนี้
1. เมื่อพบพระเหรียญ ให้ดูด้วยตาเปล่าก่อนว่าเหรียญบวมหรือไม่ ถ้าบวมนูนตรงกลางหรือบิดผิดธรรมชาติ ก็คือ เก๊แน่นอน ยกเว้นเหรียญที่นูนจากแม่พิมพ์เอง เช่น เหรียญหลังเต่าเจ้าคุณนร ฯ
2. เมื่อดูว่าเหรียญไม่บวมแล้วก็ให้ดูตำหนิเทียบกับหนังสือพระเครื่องทั่ว ๆ ไปตามที่เราได้เรียนรู้และจำได้ว่าถูกพิมพ์หรือไม่ ถ้าเหรียญผิดพิมพ์หรือไม่มีตำหนิตรงตามของแท้มาตรฐาน ก็คือ เก๊แน่นอน จากการแกะบล็อคใหม่นั่นเอง 

แต่ถ้าเหรียญถูกพิมพ์ก็จะมีอีก 2 กรณีให้พิจารณาต่อ คือ
   1. แท้
   2. เก๊คอมพิวเตอร์
   3. การที่เราจะแยกพระแท้กับพระเก๊คอมพิวเตอร์แยกได้ง่ายมาก และไม่ต้องดูตำหนิแล้ว ให้ดูเหรียญโดยทั่ว ๆ ไปก่อน ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง บล็อกเก๊คอมพิวเตอร์จะมีพื้นผิวเหรียญที่ไม่ตึงเรียบ และจะมีจุดเนื้อเกินแตกต่างจากเหรียญแท้เสมอ หลังจากนั้นค่อยพิจารณาดูองค์ประกอบทั่ว ๆ ไปของเหรียญ เช่น อายุของโลหะ รมดำหรือกะไหล่ ว่ามีความเก่าหรือไม่ ในส่วนนี้เราจำเป็นต้องคุ้นเคยกับเหรียญแท้ๆ มาก่อนก็จะทำให้แยกแยะได้ง่ายขึ้น

จุดพิจารณาในการดูเหรียญปั๊มโลหะ
1. อายุของโลหะต้องมีความเก่าตามอายุการสร้างของเหรียญ เช่น เหรียญ พ.ศ. 2460 ทองแดงไม่เก่าก็คือ เก๊นั่นเอง
2. กระไหล่หรือรมดำ ต้องเก่าตามอายุเหรียญนั้นๆ
3. เหรียญสึก ควรสึกเฉพาะส่วนที่นูนของเหรียญเท่านั้น ส่วนลึกสุดของเหรียญต้องคมชัด และดูได้ว่าเป็นเหรียญปั๊มโลหะ
4. การดูรอยตัดปั๊มขอบเหรียญ ถ้าไม่มีหรือเป็นรอยตะไบถือว่าไม่ใช่เหรียญปั๊ม ยกเว้นเหรียญปั้มบังคับปลอก(บังคับขอบเหรียญ) เช่นเหรียญ ลพ.เดิม ปี 2482 ขอบจะเรียบ หรือเหรียญที่ตะไบขอบเช่นเหรียญ ลพ.คง วัดบางกระพ้อม บล็อกขอบตะไบ แต่เหรียญพิเศษแบบนี้จะมีไม่มาก แต่ถ้ามีรอยตัดปั๊มอาจเก๊คอมพิวเตอร์ก็ได้
5. เหรียญห่วงเชื่อม รอยเชื่อมเงินต้องมีความเก่า
6.ไม่ควรเช่าเหรียญที่เลี่ยมพลาสติกไว้เพราะดูลำบากอาจหลอกตาได้ ยกเว้น เหรียญดูง่ายจริงๆ


วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2557

แชร์และรับ

แบ่งปันลิงค์ของคนอื่น เพิ่ม like แฟนเพจ ของเราได้

การแบ่งปันลิงค์ หรือ ที่เรียกว่าการ Share เป็นการแบ่งปันข้อมูลของผู้อื่นมายัง facebook ของเรา ไม่ได้เป็นเรื่องเสียหาย แต่ก็มีบางคนพูดว่า “เนื้อหาของเราต้องดีกว่าคนอื่น จะไปแชร์ของเขามาทำไม ลดความน่าเชื่อถือของตัวเปล่าๆ คนก็ไปตามเขาหมดสิ !” อะไรแบบนั้น.... เป็นความเชื่อที่... คิดว่าคนพูดคงต้องเหนื่อยไปอีกนาน กว่าจะรู้ว่าที่คิดนั้นมันผิด !
    ไม่ใช่ว่าเขาพูดผิดหรอก แต่มันผิดกับลักษณะของคนใช้ facebook เพราะมันคือสังคมออนไลน์ ไม่ใช่ website ส่วนตัว คนที่เข้ามาเล่น facebook คือคนที่ต้องการติดต่อสื่อสารและอยากเห็นข้อมูลที่หลากหลาย หากคุณคุยแต่เรื่องของตัวคุณเอง แม้ว่าจะเป็น fan page มันก็น่าเบื่อ ! และไม่เข้ากับลักษณะของคนที่ใช้งาน การไปแชร์ลิงค์เรื่องราวที่น่าสนใจจากที่อื่นๆ มาทำให้เพจของคุณดูไม่น่าเบื่อ และน่าติดตามมากขึ้น เมื่อมันน่าติดตาม ก็จะ เพิ่ม like แฟนเพจ ของเรามากขึ้นได้เป็นอย่างดี

เหรียญเม็ดแตง หลวงปู่ทวด

  ขยายรูปภาพ ขยายรูปภาพ ขยายรูปภาพ ขยายรูปภาพ ขยายรูปภาพ
       
 เม็ดแตง ปี06 + ปี08 ในสมัยที่ท่านพระครูวิสัยโสภณ(อาจารย์ทิม)
เจ้าอาวาสวัดช้างให้มีชีวิตอยู่ ท่านได้จัดสร้างพระหลวงพ่อทวด รุ่นเม็ดแตงขึ้นและ
เป็นที่ยอมรับของวงการพระเครื่องพระบูชา นับได้เป็น 2 รุ่น 2 พ.ศ. ได้แก่

1. รุ่นที่สร้างพุทธศักราช 2506 ถือเป็นรุ่นแรกของเหรียญเม็ดแตง หลวงพ่อทวด วัดช้างให้ ในปีนี้มีการจัดสร้างขึ้น 2 ครั้ง ครั้งแรกสร้างเป็นเม็ดแตงหน้าผาก 3 เส้น หนังสือเลยหู เส้นคอ 5 เส้น สร้างจำนวนไม่มากนัก เนื่องจากพระหลวงพ่อทวดเป็นที่นับถือของพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก จึงทำให้เหรียญเม็ดแตงหน้าผาก 3 เส้น หนังสือเลยหู เส้นคอ 5 เส้นนี้ ได้หมดไปจากวัดในเวลาที่รวดเร็วมาก และประชาชนทั่วไปที่ยังไม่มีเหรียญเม็ดแตงไว้บูชา ได้เรียกร้องให้จัดสร้างขึ้นอีก หลังจากนั้นไม่กี่เดือนท่านอาจารย์ทิมจึงได้จัดสร้างขึ้นอีกครั้งหนึ่ง สร้างเป็นเหรียญเม็ดแตง หน้าผาก 4 เส้น หนังสือเลยหู และสร้างมากกว่าครั้งที่สร้างเม็ดแตงหน้าผาก 3 เส้น หนังสือเลยหู เส้นคอ 5 เส้น
ในตลาดพระเครื่องนั้นจะเห็นได้ว่าเหรียญเม็ดแตง หน้าผาก 3 เส้น หนังสือเลยหู เส้นคอ 5 เส้นหาได้ยากกว่าเหรียญเม็ดแตงหน้าผาก 4 เส้น หนังสือเลยหู เหรียญเม็ดแตงหน้าผาก 3-4 เส้น หนังสือเลยหู ปี 2506 ทั้งสองแบบนี้ เป็นเหรียญหน้าผากปีกกาทั้งสิ้น

ขยายรูปภาพ ขยายรูปภาพ
1.1 เหรียญเม็ดแตง หน้าผาก 3 เส้น หนังสือเลยหู เส้นคอ 5 เส้น ผู้เขียนเรียกเล่นๆ ในหมู่เพื่อนว่า “บล็อกพายุไซโคลน” หรือที่วงการพระเครื่องพระบูชาเรียกว่า “บล็อกวงเดือน” เพราะมีเส้นขนแมวเป็นวงกลมซ้อนกันหลายๆ วงรอบเศียรหลวงพ่อทวด และหลวงพ่อทวดมีลูกตา 2 ข้าง บล็อกนี้หายากที่สุด


ขยายรูปภาพ ขยายรูปภาพ

1.2 เหรียญเม็ดแตง หน้าผาก 3 เส้น หนังสือเลยหู เส้นคอ 5 เส้น “บล็อกหลวงพ่อทวด มีลูกตา 2 ข้าง”

ขยายรูปภาพ ขยายรูปภาพ
 
1.3 เหรียญเม็ดแตง หน้าผาก 3 เส้น หนังสือเลยหู เส้นคอ 5 เส้น “บล็อกหลวงพ่อทวด มีลูกตาข้างเดียว”

ขยายรูปภาพ ขยายรูปภาพ

1.4 เหรียญเม็ดแตง หน้าผาก 3 เส้น หนังสือเลยหู เส้นคอ 5 เส้น “บล็อกหลวงพ่อทวด ไม่มีลูกตา”
ในอดีตนั้น ทางภาคใต้เรียกพิมพ์เหล่านี้ว่า “พิมพ์ลูกกระเดือกใหญ่” ในความเห็นของผู้เขียนสันนิษฐานว่ามีแค่บล็อกเดียวเท่านั้น แต่เกิดจากความผิดพลาดในขั้นตอนการถอดพิมพ์และการถ่ายพิมพ์เพื่อใช้เป็นพิมพ์สำรองไว้หลายตัว (ให้หาอ่านจากหนังสือนิตยสารมรดกพระเครื่อง ฉบับที่ 4 เดือนพฤษภาคม 2541 ในบทความ “คุยเฟื่องเรื่องเหรียญ” โดย จ.ส.ต.ทวี วงษ์สิทธิ์ หน้า 24-29) จึงทำให้โรงงานปั๊มเหรียญแล้วติดลูกตาบ้าง ไม่ติดลูกตาบ้าง ส่วนด้านหลังเหรียญเป็นรูปอาจารย์ทิม ปั๊มได้ค่อนข้างลึก และไม่เขยื้อน ยังไม่ปรากฏว่ามีแบบเขยื้อน หรืออาจจะมีก็ได้แต่ผู้เขียนยังไม่เคยเห็น

และขออนุญาตแยกพิมพ์เม็ดแตง หน้าผาก 4 เส้น หนังสือเลยหู ดังนี้

ขยายรูปภาพ ขยายรูปภาพ

1.5 เหรียญเม็ดแตง หน้าผาก 4 เส้น หนังสือเลยหู “บล็อกมีเนื้อเกินที่หน้าผากเส้นบนสุดด้านขวา
องค์พระหลวงพ่อทวด”


ขยายรูปภาพ ขยายรูปภาพ

1.6 เหรียญเม็ดแตง หน้าผาก 4 เส้น หนังสือเลยหู “บล็อกไม่มีเนื้อเกินที่หน้าผากเส้นบนสุดด้านขวา
องค์พระหลวงพ่อทวด

เหรียญเม็ดแตง หน้าผาก 4 เส้น หนังสือเลยหู นี้ ด้านหลังเหรียญเป็นรูปอาจารย์ทิม ส่วนมากปั๊มออกมาจะตื้นกว่าเหรียญเม็ดแตงหน้าผาก 3 เส้น หนังสือเลยหู มีทั้งแบบเขยื้อนและแบบไม่เขยื้อน ซึ่งก็เป็นบล็อกตัวเดียวกัน เหรียญรุ่นนี้ในวงการพระเป็นที่ “นิยมสุด”

2. รุ่นที่สร้างพุทธศักราช 2508 ถือเป็นรุ่นที่ 2 ของเหรียญเม็ดแตง หลวงพ่อทวด วัดช้างให้



ขยายรูปภาพ ขยายรูปภาพ

2.1 เหรียญเม็ดแตง “บล็อกหน้าผากปีกกา หัวขีด” ด้านหน้าเหรียญมีเส้นแตกพาดจากตัวอักษร ตัว อ ผ่านตัว ท และตัว ว ไปชนขอบบนใต้ห่วงด้านหน้า

ขยายรูปภาพ ขยายรูปภาพ

2.2 เหรียญเม็ดแตง “บล็อกหน้าผากปีกกา"

เหรียญเม็ดแตง พ.ศ.2508 หน้าผากปีกกาทั้ง 2 บล็อกนี้ มีน้อยกว่า และหาได้ยากกว่าเหรียญเม็ดแตงหน้าผากตรงอื่นๆ พ.ศ.2508

ขยายรูปภาพ ขยายรูปภาพ

2.3 เหรียญเม็ดแตง “บล็อกหน้าผากตรง ณ แตก หนังสือเลยหู” เหรียญรุ่นนี้หลายคนเล่นเป็นเหรียญปี 2506 ขอให้ท่านผู้อ่านดูเปรียบเทียบกับบล็อกหน้าผากตรง ณ แตก หนังสือไม่เลยหู (บล็อกไม้โทแตก ทะลุขอบ) จะเห็นได้ว่าใบหน้าหลวงพ่อทวดเหมือนกันมากๆ และเมื่อเปรียบเทียบกับบล็อกหน้าผากตรงอื่นๆ พ.ศ.2508 ใบหน้าหลวงพ่อทวดก็เหมือนกันมากด้วย แสดงว่าช่างที่แกะบล็อก
ทั้งหมดเป็นคนเดียวกัน และต้องออกในพ.ศ.2508 ด้วย

2.4 เหรียญเม็ดแตง “บล็อกหน้าผากตรง ณ แตก หนังสือไม่เลยหู” ซึ่งแยกออกเป็น

ขยายรูปภาพ ขยายรูปภาพ  - บล็อกหน้าสวมแว่น หรือที่บางคนเรียกว่า หน้าโดราเอมอน
ขยายรูปภาพ ขยายรูปภาพ 
- บล็อกไม้โทแตกทะลุขอบ ให้ดูอักษร “ช้าง” ด้านหน้าเหรียญ ไม้โทแตกทะลุขอบ


ขยายรูปภาพ ขยายรูปภาพ - บล็อกธรรมดา

ขยายรูปภาพ ขยายรูปภาพ
 

2.5 เหรียญเม็ดแตง “บล็อกหน้าผากตรง วงเดือน” ด้านหน้าเหรียญหลวงพ่อทวด มีวงเดือน ส่วนด้านหลังมีทั้งวงเดือนและไม่มีวงเดือน

ขยายรูปภาพ ขยายรูปภาพ

2.6 เหรียญเม็ดแตง “บล็อกหน้าผากตรง สายฝน” บางครั้งก็เรียกว่า “บล็อกไม้มลาย”

ขยายรูปภาพ ขยายรูปภาพ

2.7 เหรียญเม็ดแตง “บล็อกหน้าผากตรง ธรรมดา”